วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บทที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
   เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึงการประยุกต์เอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาจัดการสารสนเทศที่ต้องการโดย อาศัยเครื่องทางเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ ตลอดจนกระบวนการดำเนินงานสารสนเทศ ตั้งแต่การเก็บรวบนวมข้อมูล การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ การทำสำเนา และการสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อให้ได้สารสนเทศ และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้



องค์ประกอบของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
 1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถจดจำข้อมูลต่าง ๆ และปฏิบัติตามคำสั่งที่บอก เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งได้ คอมพิวเตอร์นั้นประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ต่อเชื่อมกันเรียกว่า ฮาร์ดแวร์ (Hardware) และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์นี้จะต้องทำงานร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกกันว่า ซอฟต์แวร์ (Software) (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2546: 4)
 2. เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม
ใช้ในการติดต่อสื่อสารรับ/ส่งข้อมูลจากที่ไกล ๆ เป็นการส่งของข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือที่อยู่ห่างไกลกัน ซึ่งจะช่วยให้การเผยแพร่ข้อมูลหรือสารสนเทศไปยังผู้ใช้ในแหล่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน และทันการณ์ ซึ่งรูปแบบของข้อมูลที่รับ/ส่งอาจเป็นตัวเลข (Numeric Data) ตัวอักษร (Text) ภาพ (Image) และเสียง (Voice) เทคโนโลยีที่ใช้ในการสื่อสารหรือเผยแพร่สารสนเทศ ได้แก่ เทคโนโลยีที่ใช้ในระบบโทรคมนาคมทั้งชนิดมีสายและไร้สาย เช่น ระบบโทรศัพท์โมเด็มแฟกซ์โทรเลขวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ เคเบิ้ลใยแก้วนำแสง คลื่นไมโครเวฟ และดาวเทียม เป็นต้น สำหรับกลไกหลักของการสื่อสารโทรคมนาคมมีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน ได้แก่ ต้นแหล่งของข้อความ (Source/Sender), สื่อกลางสำหรับการรับ/ส่งข้อความ (Medium), และส่วนรับข้อความ (Sink/Decoder) ดังแผนภาพต่อไปนี้ คือ
 ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
1.ความเร็ว  การนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้จะช่วยให้การทำงานมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผล การค้นหาข้อมูลจะทำได้สะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูล เช่น การใช้ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ
2.ความถูกต้อง คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการประมวลผลข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ ทำให้ข้อมูลที่ได้จากการประมวลนั้นมีความผิดพลาดน้อยกว่าการประมวลผลด้วยมนุษย์
3.การเก็บบันทึกข้อมูล ข้อมูลที่เก็บบันทึกในระบบคอมพิวเตอร์จะเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีสื่อที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลทำให้มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลได้จำนวนมากและมีความคงทนถาวรมากกว่าการจัดเก็บข้อมูลในรูปของกระดาษ
4. การเผยแพร่ข้อมูล การรับส่งข้อมูลในปัจจุบันโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะทำให้การเผยแพร่ข้อมูลทำได้อย่างกว้างขวางสามารถแพร่กระจายไปได้ทั่วโลกอย่างไร้พรมแดน
 แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
1.ด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  เมื่อพิจารณาเครือข่ายการสื่อสารทั่วไปจากอดีตจนถึงปัจจุบัน  เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ใช้อุปกรณ์การสื่อสารแบบพกพามากขึ้นเรื่อยๆ  เริ่มจากวิทยุเรียกตัว (pager) ซึ่งเป็นเครื่องรับข้อความ  มาเป็นถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่  อุปกรณ์สื่สารชนิดนี้ได้ถูกพัฒนาจนสามารถใช้งานด้านอื่นๆได้  นอกจากการพูดคุยธรรมดา  โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่สามารถใช้ถ่ายรูป  ฟังเพลง  ฟังวิทยุ  ดูโทรทัศน์  บันทึกข้อมูงสั้นๆ  บางรุ่นมีลักษณะเป็นเครื่องช่วยงานส่วนบุคคล (Personal Digital Assistant : PDA) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้  อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบสัมผัส  ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น  บางรุ่นมีอุปกรณ์สไตลัส (stylus) คือ ใช้ปากกาป้อนข้อมูลทางหน้าจอ  บางรุ่นสามารถสั่งด้วยเสียง
   ในอนาคตอันใกล้มนุษย์จะมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยใช้กันมากขึ้น  นอกเหนือจากการพูดคุยแบบเห็นหน้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต  มนุษย์สามารถพูดคุยแบบเห็นหน้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือ  ทำให้สามารถติดต่อกันได้ด้วยค่าใช้จ่ายถูกลง  สามารถส่งข้อความ ภาพ และเสียง ได้โดยง่าย  สะดวกรวดเร็ว อีกทั้งยังค้นหาข้อมูลด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วยเว็บรุ่นที่สาม (Web 3.0)
   ดังนั้นอุปกรณ์สำหรับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในอนาคตมีแนวโน้มเป็นดังนี้ คือ มีขนาดเล็กลง พกพาได้ง่าย แต่มีปรัสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น เก็บข้อมูลได้มากขึ้น ประมวลผลได้เร็วขึ้น ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น โดยมีการผนวกอุปกรณ์หลายๆอย่างไว้ในเครื่องเดียว(all-in-one) ที่สำคัญอุปกรณ์เหล่านี้ต้องใช้งานง่ายขึ้น รวมถึงสามารถสั้งการด้วยเสียงได้ นอกจากนี้ ยังมีระบบรักศาความปลอดภัยที่ดีขึ้น โดยอาศัยหลายนิ้วมือหรือจ่อม่านตา แทนการพิมรหัสผ่านแบบในปัจจุบัน
 แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
1.ด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  มนุษย์ใช้อุปกรณ์การสื่อสารแบบพกพามากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มจากวิทยุเรียกตัว  (pager)   เป็นเครื่องรับข้อความ  มาเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่  อุปกรณ์สื่อสารชนิดนี้ได้ถูกพัฒนาจนสามารถใช้งานด้านอื่น ๆ ได้  นอกจากการพูดคุยธรรมดา  โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่สามารถใช้ถ่ายรูป  ฟังเพลง  ฟังวิทยุ  ดูโทรทัศน์  บันทึกข้อมูลสั้น ๆ บางรุ่นมีลักษณะเป็นเครื่องช่วยงานส่วนบุคคล (Personal Digital  Assistant : PDA)  สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้  ระบบหน้าจอแบบสัมผัส  บางรุ่นมีอุปกรณ์สไตลัส  (stylus)  คือ ใช้ปากกาป้อนข้อมูลทางหน้าจอ  บางรุ่นสามารถสั่งการได้ด้วยเสียง  ตัวอย่างอุปกรณ์สื่อสารและสารสนเทศ     แบบพกพาวิทยุเรียกตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่  เครื่องช่วยงานส่วนบุคคล  (PDA)  เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในอนาคตมีแนวโน้มเป็นดังนี้  คือ  มีขนาดเล็กลง  พกพาได้ง่าย  แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น  เช่น  เก็บข้อมูลได้มากขึ้น  ประมวลผลได้เร็วขึ้น  ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น  โดยมีการผนวกอุปกรณ์หลาย ๆ อย่างไว้ในเครื่องเดียว (all – in – one)
2.ด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์  ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในอดีตมักเป็นระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อตรงเพียงชุดเดียว  (Stand  alone)  ต่อมามีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันภายในองค์กร   เพื่อทำให้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกัน  หรือใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกัน  จนเกิดเป็นระบบรับและให้บริการ  หรือที่เรียกว่าระบบรับ – ให้บริการ  (client – server  system)  โดยมีเครื่องให้บริการ  (server)  และเครื่องรับบริการ  (client)เมื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างแพร่หลาย  การพัฒนาระบบเครือข่ายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้โดยตรง  โดยที่เครื่องให้บริการมีหน้าที่เพียงแค่เก็บตำแหน่งของเครื่องผู้ใช้งานที่มีข้อมูลนั้น ๆ อยู่เพื่อให้เครื่องอื่นสามารถทราบที่อยู่ที่มีข้อมูลดังกล่าว  และเข้าถึงข้อมูลนั้นได้  เรียกระบบแบบนี้ว่าเครือข่ายระดับเดียวกัน  (Peer – to –Peer  network : P2P)
 ปัจจุบันมีการใช้แลนไร้สาย  (wireless  LAN)  ในสถาบันการศึกษา  และองค์กรหลายแห่งการให้บริการแลน ไร้สาย  หรือไวไฟ  (Wi – Fi)  ตามห้างสรรพสินค้า  ร้านขายเครื่องดื่ม  หรือห้องรับรองของโรงแรมใหญ่ ๆ นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีในการติดตามตำแหน่งรถด้วยจีพีเอส  (Global  Positioning  System  : GPS)  กับรถแท็กซี่
3.ด้านเทคโนโลยี  ระบบทำงานอัตโนมัติที่สามารถตัดสินใจได้เองจะเข้ามาแทนที่มากขึ้น  เช่น  ระบบแนะนำเส้นทางจราจร  ระบบจอดรถ  ระบบตรวจหาตำแหน่งของวัตถุ  ระบบควบคุมความปลอดภัยภายในอาคาร  ระบบที่ทำงานอัตโนมัติเช่นนี้  อาจกลายเป็นระบบหลักในการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ
พีเอ็นดี  (Personal  Navigation  Device  : PND)  เป็นอุปกรณ์เพื่อช่วยในการนำทาง  เสมือนผู้นำทาง บนท้องถนนเพื่อให้เกิดความคล่องตัว  ค้นหาเส้นทางไปยังจุดหมายได้อย่างถูกต้อง  และรวดเร็ว
เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี  (Radio  Frequency  Identification : RFID)  ใช้คลื่นวิทยุเพื่อระบุเอกลักษณ์ของวัตถุ  ประกอบด้วยอุปกรณ์หลักสองส่วน  คือ  ป้ายระบุอิเล็กทรอนิกส์  (electronics  tag)  และเครื่องอ่าน  (reader)
 ความเปลี่ยนแปลงจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
   ความก้าวหน้าของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อสนองความต้องการด้านต่างๆ ของผู้ใช้ในปัจจุบันซึ่งมีผู้ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั่วโลกประมาณพันล้านคน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ผู้ใช้สามารถใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวได้ทุกที่ ทุกเวลา จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ทั้งที่เกิดประโยชน์และโทษ เช่น
1) ด้านสังคม สภาพเหมือนจริง การใช้อินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงการทำงานต่างๆ จนเกิดเป็นสังคมที่ติดต่อผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือที่รู้จักกันว่า ไวเบอร์สเปซ (cyber space) ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การพูดคุย การซื้อสินค้า และการบริการ การทำงานผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้เกิดสภาพที่เหมือนจริง (virtual) เช่น เกมเสมือนจริง ห้องสมุดเสมือนจริง พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง ห้องประชุมเสมือนจริง และที่ทำงานเสมือนจริง ซึ่งทำไห้ลดเวลาในการเดินทางและสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
2) ด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารส่งผลให้เกิดสังคมโลกาภิวัฒน์(globalization) เพราะสามารถชมข่าว ชมรายการโทรทัศน์ที่จะส่งกระจายผ่านดาวเทียมของประเทศต่างๆ ได้ทั่วโลก สามารถรับรู้ข่าวสารได้ทันที ใช้อินเทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ระบบเศรษฐกิจซึ่งแต่เดิมมีขอบเขตจำกัดภายในประเทศ ก็กระจายเป็นเศรษฐกิจโลก เกิดกระแสการหมุนเวียนแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ระบบเศรษฐกิจของทุกประเทศในโลกจึงเชื่อมโยงและผูกพันกันมากขึ้น
 3) ด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีประโยชน์ในด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียม หรือภาพถ่ายทางอากาศร่วมกับการจดเก็บรักษาข้อมูลระดับน้ำทะเล ความสูงของคลื่นจากระบบเรดาร์ เป็นการศึกษาเพื่อหาสาเหตุ และนำข้อมูลมาวางแผนและสร้างระบบเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งแต่ละแห่งได้อย่างเหมาะสม
 ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
    ตลาดแรงงานต้องการผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างแท้จริง ซึ่งงานด้านนี้จะรวมถึง งานด้านการออกแบบโปรแกรมต่างๆ โปรแกรมใช้งานบนเว็บ งานด้านการเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ งานด้านฐานข้อมูล งานด้านระบบเครือข่าย ทั้งในและนอกองศ์กร รวมถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในระบบคอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่าย  ดังนั้นองศ์กรจึงมีความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการ และพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อใช้งานด้านต่างๆ ขององศ์กร ตัวอย่างอาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น
 นักเขียนโปรแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (Programmer)
   ทำหน้าที่ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น โปรแกรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าโปรแกรมที่ใช้กับงานด้านบัญชี หรือโปรแกรมที่ใช้กับระบบงานขนาดใหญ่ขององค์กร
นักวิเคราะห์ระบบ (System analyst) ทำหน้าที่ในการศึกษาวิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ นักวิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ นักวิเคราะห์ระบบจะทำการวิเคราะห์ระบบงานและออกแบบระบบสารสนเทศให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน  ซึ่งอาจรวมถึงงานด้านการออกแบบฐานข้อมูลด้วย
ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล (Database administrator) ทำหน้าที่บริหารและจัดการฐานข้อมูล(Database) รวมถึงการออกแบบ บำรุงรักษาข้อมูล และการดูแลระบบความปลอดภัยของฐานข้อมูล เช่น การกำหนดบัญชีผู้ใช้ การกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้
 ผู้ดูแลและบริหารระบบ (System administrator)
   ทำหน้าที่บริหารและจัดการระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร โดยดูแลการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบปฏิบัติการ การติดตั้งฮาร์ดแวร์ การติดตั้งและการปรับปรุงซอฟต์แวร์ สร้าง ออกแบบและบำรุงรักษาบัญชีผู้ใช้ สำหรับองค์กรขนาดเล็กเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบอาจต้องดูแลและบริหารระบบเครือข่ายด้วย
 ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย (Network administrator)
   ทำหน้าที่บริหารและจัดการออกแบบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และดูแลรักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายขององค์กร เช่น ตรวจสอบการใช้งานเครือข่ายของพนักงานและติดตั้งโปรแกรมป้องกันผู้บุกรุกเครือข่าย
 ผู้พัฒนาและบริหารระบบเว็บไซต์ (Webmaster)
   ทำหน้าที่ออกแบบพัฒนา ปรับปรุงและบำรุงรักษาเว็บไซต์ให้มีความทันสมัย โดยเฉพะอย่างยิ่งต้องมีการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
 เจ้าหน้าที่เทคนิค (Technician)
   ทำหน้าที่ซ่อมบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ ติดตั้งโปรแกรม หรือติดตั้งฮาร์ดแวร์ต่างๆ และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในองค์กร
 นักเขียนเกม (Game maker)
   ทำหน้าที่เขียนหรือพัฒนาโปรแกรมเกมคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันนี้การเขียนเกมคอมพิวเตอร์ เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย


http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html
https://sites.google.com/site/kruyutsbw/prayochn-laea-tawxyang